เตรียมสอบสัมภาษณ์งานญี่ปุ่น ฉบับมือใหม่ By ออยเซนเซ
—————————————
นัดสัมภาษณ์วันไหน ต้องไป ไม่ชัวร์อย่านัด เพราะถ้านัดแล้วไม่ไป ไม่มีโอกาสครั้งที่ 2 นะคะ หรือถ้ามี เขาก็จะดอกจันไว้ในเรซูเม่หนูแล้วว่า คนนี้ไม่รักษาสัญญา ถ้ามีคนที่ดีกว่าก็ไม่ได้รับเลือกค่ะ
ตรงต่อเวลาในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ตรงเป๊ะจริงๆนะคะ คือไปให้ถึงก่อนเวลา ซัก15-30 นาที ครึ่งชั่วโมงอาจเหมือนนานไป ถือซะว่าไปสังเกตุการณ์ ลืมอะไรจะได้หาได้ทัน
แต่งกายให้ปัง ในความหมายของเซนเซคือไม่ใช่แต่งเวอร์นะคะ คือแต่งแบบสุภาพตามมารยาทสากล เอาที่เรามองตัวเองแล้วแบบ เออ คนนี้น่าคบ น่าทำงานด้วย น้องๆนักศึกษาก็ชุดนักศึกษา สาวๆรวบผมให้เรียบร้อย จะแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ดูงานที่เราสมัคร งานเกี่ยวกับอาหาร แต่งหน้าไว้เล็บยาว ไม่ได้แน่ งานต้องรับ งานโรงแรม ไม่แต่งหน้าเลย ปล่อยหน้ามันก็อาจจะมองว่าว่าไม่สุภาพได้ค่ะ
น้องผู้ชายยิ่งต้องดูแลเรื่องความสะอาด หนวดเคราควรโกนให้เรียบร้อย ไม่ใส่ต่างหู ไม่ไว้เล็บยาวด้วยนะ ส่วนเพศอื่นๆ แนะนำให้แอ๊บเป็นเพศเดิมไว้ก่อนค่ะ ญี่ปุ่นละเอียดละออกับเรื่องนี้มาก เอาไว้ให้เขารับเรา ให้เขาเห็นฝีมือในการทำงานของเรา ค่อยเผยความเป็นตัวเองออกมา จะแต่งตัวสไตล์ไหน ทำผมทรงอะไร ก็ไม่มีใครมาว่า (แต่ต้องอยู่ในกฎบริษัทนะ)
4.วางตัวให้เนี๊ยบ
เนี้ยบตั้งแต่เข้าห้อง
ความตื่นเต้น ประหม่าเกิดขึ้นได้เสมอในห้องสัมภาษณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็ช่าง ท่องไว้ว่า เวลาตอบคำถามต้องตอบให้เต็มเสียง จะพูดผิดพูดถูกไม่เป็นไร สำคัญที่พูดแล้วคนฟังได้ยินหรือเปล่าค่ะ
เป็นเหมือนกันไหมค่ะ เวลาคุยกับคนที่พูดงุ้งงิ้งๆ ไม่ค่อยได้ยิน อะไรนะๆ หลายๆรอบแล้วหงุดหงิด ไม่อยากคุยด้วย น้องๆบอกว่า เซนเซ…ก็หนูกลัวพูดผิดหนูไม่มั่นใจ– เลือกเอานะ บางคนพูดผิด นายจ้างมองว่ามีความพยามนะ เราออกเสียงไม่ถูก มันก็ดูตลกน่ารักสำหรับเขา มีน้องคนนึงแนะนำตัวว่า 私はきゅうじゅう歳です。เสียงดังฟังชัด นายจ้างฮากันทั้งห้อง บรรยากาศต่อจากนั้นก็ไม่ตรึงเครียด ตรงกันข้าม น้องอีกคนนึงตอบช้าคิดนาน พูดเบาเพราะกลัวผิด นายจ้างต้องคอยนาน ต้องถามตลอดอะไรนะๆ หลายครั้งอารมณ์ก็เสีย บรรยากาศก็ตรึงเตรียด กดดันตัวเอง ให้เสียความมั่นใจไปกันใหญ่
ถ้ามั่นใจว่าหนูใช้ภาษายกย่องถ่อมตนได้ดี และใช้ได้ตลอดรอดฝั่งก็ใช้ไปเถอะจ๊ะ แต่สำหรับคนที่ไม่เก่งเรื่องภาษายกย่องถ่อมตน เซนเซว่าใช้ภาษาสุภาพทั่วไปก็พอแล้วค่ะ และถ้าใครไม่เก่งศัพท์หรือไวยากรณ์ระดับสูงยากๆยาวๆ ก็ไม่เป็นไร ใช้ไวยากรณ์ง่ายๆ ศัพท์ง่ายๆ คนฟังก็เข้าใจง่ายด้วย
อย่าลืมว่าสอบสัมภาษณ์ คือเค้าดูว่าหนูสามารถสื่อสารได้หรือไม่ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้หรือเปล่า อย่างเช่นหนูนึกประโยคหรือคำพูดนึงไม่ออก หนูหาคำที่ใกล้เคียงกันมาอธิบายได้หรือไม่ ย้ำว่าเป็นการใช้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อสื่อสารในการทำงานจริง ไม่ใช่สอบวัดระดับความสามารถภาษาญี่ปุ่นค่ะ
บางครั้งเราไม่เข้าใจคำถาม เราอาจจะขอให้พูดซ้ำ หรือพูดช้าลงได้ และไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือน่าอายที่จะบอกว่าเราไม่เข้าใจคำถาม เพราะถ้าหนูไม่เข้าใจ แต่หนูแกล้งทำเป็นเข้าใจ แล้วตอบคนละเรื่อง นายจ้างจับได้นะคะ แล้วเค้าจะกาหัวเรซูเม่หนูทันทีว่า คนนี้แกล้งทำเป็นเข้าใจ ถ้ามีคนดีกว่า เค้าก็จะไม่เลือกหนูแน่นอน
ปัญหาอันดับหนึ่งของคนไทยที่ทำงานกับนายจ้างญี่ปุ่น คือ ไม่เข้าใจแต่ทำเป็นเข้าใจ ไม่กล้าพูดว่าไม่เข้าใจ เพราะกลัวถูกว่าถูกตำหนิ เป็นเหตุให้ตัดสินใจเองโดยพละการ งานเกิดความผิดพลาดเสียหายบ่อยครั้ง เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม นายจ้างจะไม่เลือกคนที่มีแนวโน้มจะเป็นแบบนี้เข้าทำงานค่ะ
ไม่ถึงกับต้องขนาดเตรียมคำถามไป เพราะเซนเซเจอหลายคน ระหว่างสัมภาษณ์นายจ้างพูดไปแล้วว่าเริ่มงานวันไหน พอสัมภาษณ์จบ นายจ้างถามว่ามีอะไรจะถามไหม น้องก็ถามว่าเริ่มงานวันไหนคะ นายจ้างมองว่าคนนี้พูดไม่รู้เรื่องก็กาหัวเรซูเม่ ทั้งๆที่ตอบดีมาตลอด แต่นายจ้างไม่เลือก เซนเซเสียดายแทนค่ะ
พอได้คุยกับน้องๆถึงได้รู้ คือน้องบอกว่า น้องเตรียมคำถามมาถาม รู้แหละว่านายจ้างพูดไปแล้ว แต่มันตื่นเต้นเลยลืมไป ถ้าไม่มีคำถามจริงๆก็บอกว่า หนูตื่นเต้น ตอนนี้ยังนึกอะไรไม่ออก ก็ดูน่าเอ็นดูดีค่ะ
คำถามที่เราถามดูได้ว่าเราเป็นคนแบบไหน เช่นบริษัทมีจัดท่องเที่ยวประจำปีหรือเปล่า อันนี้อาจถูกมองว่าเป็นคนชอบเที่ยว ถ้างานบริษัทเป็นสไตล์ชอบพาเที่ยวก็แล้วไป แต่ถ้าไปถามบริษัทที่เขาอยากได้คนตั้งใจทำงานมากๆ ไม่อยากให้พนักงานติดเที่ยว เขาก็จะไม่เลือกหนูค่ะ
เตรียมเอาไว้ก่อนว่าคำถามอะไรที่น่าจะถูกถามแน่ๆ (คำถามที่ถามบ่อยในการสัมภาษณ์งาน เซนเซจะเขียนในบทต่อไปนะคะ) ส่วนคำตอบให้เตรียมไปคร่าวๆ ลองหัดพูดให้คล่องๆ หน้ากระจก
บางครั้งนายจ้างอาจไม่เลือกคนที่ตอบฉะฉาน แต่กลับเลือกคนตอบเนิบๆนิ่มๆ
บางครั้งนายจ้างอาจไม่เลือกคนที่ผลการเรียนดี แต่เลือกคนที่ผลการเรียนแย่
บางครั้งนายจ้างอาจไม่เลือกคนที่มีประสบการณ์ แต่เลือกคนไร้ประสบการณ์
งาน
บางอย่างคนตัวสูงไม่เหมาะ เหมาะกับคนตัวเตี้ย
บางงานคนอายุน้อยไม่เหมาะ เหมาะกับคนอายุมาก
บางครั้งนายจ้างสัมภาษณ์เป็นวันๆ แต่เลือกแบบแปลกๆ เช่นเลือกที่ กรุ๊ปเลือด เลือกเพราะถูกชะตาเฉยๆ หรือเลือกเพราะเกิดวันเดียวเดือนเดียวกับนายจ้าง หรือแม้กระทั่งเลือกเพราะได้รับการแนะนำไว้ล่วงหน้า(เด็กเส้น)ก็มี
ที่เซนเซต้องการจะบอกคือ ก่อนสัมภาษณ์ให้หนูเตรียมใจเอาไว้ว่า หนูอาจจะสัมภาษณ์ ไม่ผ่าน แต่ไม่ใช่ว่าหนูไม่ดี ให้คิดว่างานนั้นไม่เหมาะกับหนู ถ้าหนูเข้าไปทำงานในที่ๆไม่เหมาะกับนิสัยและความเป็นตัวของเรา อาจจะรู้สึกอึด เพราะฉนั้นถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร เป็นตัวของตัวเองและเก็บประสบการณ์ครั้งนี้ไปใช้ในครั้งต่อไป
พอคิดแบบนี้ได้ หนูจะไม่เครียด แล้วหนูจะสัมภาษณ์งานได้อย่างไร้แรงกดดัน ลดความเครียดและประหม่าลงได้ค่ะ